นาฬิกาในอนาคตจะหาซื้อได้ยากที่สุด 2024
30 Sep, 2024 / By
Sloanetimecollection
ในโลกของนาฬิกาหรู ไม่เพียงแค่ความสวยงามและฟังก์ชันที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่ทำให้นาฬิกาเรือนหนึ่งเป็นที่ต้องการ แต่ยังรวมถึงเรื่องราว ประวัติศาสตร์ และความหายากที่ทำให้นาฬิกาบางรุ่นมีค่ามากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป นาฬิกาบางรุ่นเมื่อเลิกผลิตหรือเป็นรุ่นลิมิเต็ดก็ยิ่งมีมูลค่าสูงขึ้นในตลาดสะสม เราจะพาคุณมาดู นาฬิกาที่ในอนาคตอาจจะหาซื้อได้ยากที่สุด เพราะพวกมันไม่เพียงแต่เป็นเครื่องบอกเวลา แต่ยังเป็นชิ้นส่วนของประวัติศาสตร์และศิลปะที่น่าทึ่งอีกด้วย
1. Rolex Daytona "Paul Newman"
หนึ่งในนาฬิกาที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ Rolex คือรุ่น Daytona โดยเฉพาะรุ่นที่มีหน้าปัดแบบ "Paul Newman" ซึ่งได้ชื่อมาจากนักแสดงชาวอเมริกัน Paul Newman ที่ใส่นาฬิการุ่นนี้ในช่วงยุค 1960s-1970s หน้าปัดที่โดดเด่นและหายาก ทำให้เป็นที่หมายปองของนักสะสมทั่วโลก โดยเฉพาะเรือนที่ผลิตในช่วงแรกๆ ซึ่งมีราคาประมูลสูงมากจนเป็นที่เล่าขาน การหานาฬิกาเรือนนี้ในอนาคตอาจจะเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมาก
2. Patek Philippe Nautilus Ref. 5711
เมื่อ Patek Philippe ประกาศเลิกผลิตรุ่น Nautilus Ref. 5711 ในปี 2021 ก็ทำให้ความต้องการในตลาดเพิ่มสูงขึ้นทันที เนื่องจาก Nautilus เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของนาฬิกาสปอร์ตหรูที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ การออกแบบโดย Gérald Genta ที่เป็นตำนาน ทำให้รุ่นนี้ยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้น และเมื่อไม่มีการผลิตเพิ่มอีก นาฬิการุ่นนี้จะยิ่งหายากและราคาพุ่งสูง
3. Audemars Piguet Royal Oak Jumbo Ref. 15202
หนึ่งในนาฬิกาที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์การออกแบบนาฬิกาสปอร์ตหรูคือ Audemars Piguet Royal Oak รุ่นนี้ถูกออกแบบโดย Gérald Genta เช่นเดียวกับ Nautilus โดยเฉพาะรุ่น Jumbo Ref. 15202 ที่ถือว่าเป็นตัวแทนของดีไซน์อันโดดเด่นและกลไกคุณภาพสูง Royal Oak Jumbo ผลิตในจำนวนจำกัด ทำให้ในอนาคตนักสะสมที่ต้องการหาซื้อนาฬิการุ่นนี้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงมากในตลาดสะสม
4. Omega Speedmaster Professional "Moonwatch"
นาฬิการุ่น Omega Speedmaster Professional หรือที่เรียกว่า "Moonwatch" คือหนึ่งในนาฬิกาที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุด เนื่องจากมันเป็นนาฬิกาที่นักบินอวกาศของ NASA ใส่ในภารกิจขึ้นสู่ดวงจันทร์ครั้งแรกในปี 1969 รุ่นดั้งเดิมที่ยังคงสภาพสมบูรณ์จะมีค่ามหาศาลในอนาคต และยิ่งหายากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
5. Richard Mille RM 011
Richard Mille เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูที่เน้นการออกแบบที่ล้ำสมัยและใช้เทคโนโลยีการผลิตชั้นสูง รุ่น RM 011 ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสปอร์ตระดับไฮเอนด์ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและการใช้วัสดุที่เป็นเอกลักษณ์ Richard Mille มักผลิตนาฬิกาในจำนวนจำกัด ทำให้เรือนที่ได้รับความนิยมอย่าง RM 011 หายากมากขึ้นในอนาคต
6. Franck Muller Crazy Hours
หนึ่งในนาฬิกาที่มีดีไซน์แหวกแนวและน่าสนใจคือ Franck Muller Crazy Hours ที่มีการจัดวางตัวเลขบนหน้าปัดในรูปแบบที่ไม่เป็นระเบียบตามปกติ กลไกที่ซับซ้อนช่วยให้เข็มชั่วโมงกระโดดไปที่ตัวเลขอย่างไม่คาดคิด ทำให้รุ่นนี้เป็นที่ต้องการของนักสะสมที่ชื่นชอบนาฬิกาที่ไม่ซ้ำใคร รุ่นแรกๆ ของ Crazy Hours จะเป็นที่ต้องการอย่างมากในอนาคตเนื่องจากเป็นรุ่นที่เริ่มต้นความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์
7. Vacheron Constantin Overseas
Vacheron Constantin Overseas เป็นนาฬิกาสปอร์ตหรูที่มีความโดดเด่นในเรื่องการออกแบบที่ละเอียดอ่อนและความประณีตในงานผลิต รุ่นที่ผลิตในจำนวนจำกัด เช่นรุ่น Overseas Ultra-Thin หรือรุ่นที่มีหน้าปัดเฉพาะสี จะกลายเป็นนาฬิกาที่หายากในอนาคตเมื่อไม่มีการผลิตซ้ำอีก
8. Tudor Black Bay Fifty-Eight "Navy Blue"
Tudor ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ Rolex ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะรุ่น Black Bay Fifty-Eight "Navy Blue" ด้วยดีไซน์วินเทจและคุณภาพของกลไกที่ยอดเยี่ยม เมื่อผลิตในจำนวนจำกัดหรือเปลี่ยนรุ่นไปในอนาคต ทำให้นาฬิการุ่นนี้อาจจะกลายเป็นรุ่นที่ยากต่อการหาซื้อ
9. Jaeger-LeCoultre Reverso
Jaeger-LeCoultre Reverso เป็นนาฬิกาที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ตัวเรือนที่สามารถพลิกกลับด้านได้ รุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 1931 ถือเป็นนาฬิกาสำหรับนักกีฬาโปโล แต่กลายมาเป็นไอคอนของการออกแบบนาฬิกาหรู ความคลาสสิกและเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ทำให้เรือนเก่าหรือรุ่นลิมิเต็ดจะมีราคาสูงขึ้นและหายากในอนาคต
บทสรุป
นาฬิกาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ ความประณีตในการออกแบบ และความท้าทายในการผลิต รุ่นที่กล่าวมาข้างต้นล้วนมีคุณค่าและเอกลักษณ์ที่ทำให้พวกมันหายากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อตลาดนักสะสมเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นักสะสมที่ชื่นชอบนาฬิกาหรูจะต้องตามหานาฬิการุ่นเหล่านี้ด้วยความพยายามมากขึ้น ทั้งในเรื่องของเวลาและราคา